มีคนเก่ง ๆ มาปรึกษาด้วยอาการฟุ้งซ่านมากขึ้น ส่วนมากจะเรียนเก่งหรือทำงานเก่ง หน้าที่การงานดี มีอนาคต แต่ในชีวิตส่วนตัวไม่ค่อยมีความสุขเลย
เริ่มตั้งแต่นอนไม่หลับติดต่อกัน กังวล คิดมาก คิดซ้ำซาก กลัวว่าจะอ่อนเพลีย ก็เลยรู้สึกอ่อนเพลียจริง ๆ ทุกครั้ง
อารมณ์ เสีย หงุดหงิดง่าย มักโทษหรือโกรธสิ่งรอบตัว เช่น เศรษฐกิจ การเมือง ลูกน้อง นาย ลูกค้า เพื่อนร่วมงาน แม้แต่คนใกล้ตัว เช่น พ่อแม่ ญาติ หรือแฟน
พวกนี้มีความคิดที่มากมายเกินปกติ คิดตลอดเวลา และขยันหาข้อมูลความคิดมาใส่สมองทั้งจากอินเตอร์เน็ต สิ่งพิมพ์ การสัมมนา ทีวี การสนทนา ฯลฯ สมองจึงเต็มไปด้วยข้อมูลที่มากจนล้นสมองออกมา
บาง คนรู้ว่าควรจะลบ (delete) ข้อมูลออกจากสมองบ้าง แต่ก็ไม่รู้จะลบอย่างไร แถม...กลับไปได้ข้อมูลที่ไม่เหมาะสมมาเพิ่มเติมใส่สมองเข้าไปอีก เช่น
... คิดว่าตัวเองนอนไม่พอ ต้องพยายามนอนให้พอวันละ 8 ชั่วโมง แต่เมื่อนอนไม่ได้ 8 ชั่วโมงก็หงุดหงิดและเครียดตามความเชื่อที่ได้รับมา
... รู้ว่าการออกกำลังเป็นสิ่งดี แต่ไม่มีเวลา จึงไปออกกำลังตอนเลิกงานตอนเย็น สมองและร่างกายก็ตื่นตัว ทำให้นอนหลับได้ยากขึ้นไปอีก
... ก่อนนอนอยากผ่อนคลายจึงดูทีวี ก็นั่งดูหนังที่สนุกเร้าใจ หรือดูละครทีวีหลังข่าวชนิดเปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ เพราะไม่อยากดูโฆษณา ปรากฏว่าจำเนื้อเรื่องละครและหนังได้หมด แต่ทำให้นอนหลับยากขึ้นแถมนอนฝันอีกด้วย
... เมื่อไปทำงานก็วิเคราะห์กิจกรรมของตัวเองในช่วงที่ผ่านมา สมองก็ชอบมากเรื่องการวิเคราะห์ชนิดจับผิดตัวเอง จึงรู้ว่ามีหลายสิ่งที่ไม่ควรทำ จึงโทษ (Projection) ตัวเองว่าทำไมจึงทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ พยายามจะเลิกทำก็ทำไม่ได้ เพราะติดกิจกรรมและความคิดเหล่านั้นแล้ว (ย้ำคิดย้ำทำ Obsessive Compulsive) บางคนแก้ความย้ำคิดย้ำทำด้วยการสำเร็จความใคร่ต้วยตัวเอง หรือมี sex กับคู่ของตน (ในกรณีแต่งงานแล้ว ถ้าทำไม่ได้ก็เครียดอีก) หรือมี sex กับผู้ขายบริการทางเพศ กลายเป็นการติด sex เพิ่มเข้าไปอีก บางคนก็ติดเหล้า ยา บุหรี่ กาแฟด้วย
การทำงานในแต่ละวันก็ทำได้ไม่ดี มักรู้สึกอ่อนเพลีย ความคิดไม่แล่น อารมณ์ไม่แจ่มใส และมีความรู้สึกฟุ้ง-ซ่านเพราะคิดมาก นำเรื่องต่าง ๆ มาปะติดปะต่อกันวุ่นวายไปหมด เข้าข่ายมี Flightening of ideation
นี่คือวงจรชีวิตของคนที่เรียนเก่งหรือทำงานเก่ง ที่มักคิดฟุ้งซ่านที่พบได้มากขึ้นในทุกวันนี้
พวก นี้มักมีสมองซีกซ้ายทำงานดี ชอบคิดในแนวหาเหตุผล วิเคราะห์ วิจารณ์ได้เก่ง และพวกนี้มักใช้สมองซีกขวาเพื่อความสุนทรีย์ การจินตนาการที่ดี ความรัก มิตรภาพ ศิลปะ ความงามได้น้อย
ถ้าไม่รู้จักยับยั้งพฤติกรรมความคิด แบบวิเคราะห์เสียบ้าง จะคิดได้มากขึ้น ฟุ้งซ่านมากขึ้น เข้าข่ายยิ่งคิดยิ่งมัน แต่จะทำให้ฟุ้งซ่าน นอนไม่หลับและเป็นทุกข์
ข้อแนะนำง่าย ๆ สำหรับพวกฟุ้งซ่าน ก็คือ
1. หาเวลาฝึกสติ ทำสมาธิทุกวัน และทำบ่อย ๆ ยิ่งดี แบบไหนก็ได้ ทำสั้น ๆ ในแต่ละวันครั้งละ 5 – 15 นาทีก็ได้ จะเป็นการกรองความคิดที่ไม่เหมาะสมออกไปและลดการปรุงแต่งอารมณ์ อยู่กับปัจจุบัน เกิดสติ ทำให้คิดฟุ้งซ่านน้อยลง
2. ออกกำลังกายแบบไม่คาดหวังผลให้มากขึ้นทุกวัน เช่นการวิ่ง แต่เลี่ยงการออกกำลังกายก่อนนอน
3. ฝึกการนอนอย่างมีสติและมีความสุข หลีกเลี่ยงการทำให้สมองและร่างกายตื่นตัวก่อนนอน เช่น ออกกำลังกาย อ่านหนังสือสนุก ดูหนังเร้าใจก่อนนอน ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ไม่คิดเรื่องงาน
- รู้จักการนอนอย่างปล่อยวาง คือทำจิตให้ว่างก่อนนอนโดยการหายใจลึก ๆ ช้า ๆ จดจ่ออยู่ที่ลมหายใจเข้า-ออกรูจมูก และตั้งจิตบอกกับตัวเองว่าจะนอน – หลับ – พัก – ผ่อนเสียที
- เมื่อนอนหลับได้แค่ไหนก็แค่นั้น อย่ากังวล ถ้าหลับลึก ๆ 4 – 5 ชั่วโมงพอแล้ว ตื่นขึ้นมาให้ทำท่ากระฉับกระเฉง บอกกับตัวเองว่าโชคดีที่ตื่นขึ้นมาได้ วันนี้คงพบสิ่งอื่น ๆที่น่าสนใจมากขึ้นบ้าง
4. ลดกิจกรรม “วิเคราะห์” ลงบ้าง ปล่อยกาย – ใจ – และความรู้สึก ให้สบายมากขึ้น บอกตัวเองว่าต้องการความสุข รู้จักการพอ ยอม และไม่เปรียบเทียบกับคนอื่น
ถ้าวิเคราะห์มากมักจะจับผิดเก่ง ทั้งตัวเองและสิ่งรอบตัว
คนเก่ง ๆ ที่ฟุ้งซ่านมีมากขึ้น ที่มาปรึกษาก็มาก หลาย ๆ คนดีขึ้น บางคนต้องใช้ยาช่วยหรือใช้จิตบำบัด
จงเก็บพลังความคิดที่ดี ๆ ไว้ใช้อย่างสร้างสรรค์เถิด
ถ้ามีความคิดมากไปตลอดเวลาเข้าข่ายฟุ้งซ่าน จะเป็นอุปสรรคในการทำงาน และจะเป็นโรคจิต โรคประสาทได้
โดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์ 26 มกราคม 2552 17:53 น.
Free Driving Internet Games
Free Printable Travel Games For Kids
Free Solitaire Games Online No Downloads
The Price Is Right Game
Valuable Video Games
Fun Bridal Shower Games
Registration Key For Pc Games
Discount Wii Games
Free Fun Online Games
Addicting Games Com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น